กุ้งขาวแวนาไมถือเป็นสัตว์น้ำที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย และประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการส่งออกสินค้ากุ้งมานานกว่า 30 ปี เป็นอุตสาหกรรมส่งออกกุ้งสร้างรายให้กับประเทศมากกว่า 1 แสนล้านบาท กุ้งขาวสินค้าสัตว์น้ำที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้า เพราะได้มาตรฐานสากลและมีคุณภาพ เช่น GMP HACCP ในด้านการผลิต และแปรรูปสินค้ากุ้ง อีกทั้งโรงงานแปรรูปของไทยนำเทคโนโลยีระดับสูงมาใช้ในกระบวนการผลิตสินค้า ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์กุ้งที่หลากหลาย (ดังรูป) และตรงความต้องการของลูกค้า รวมถึงประเทศคู่ค้าให้การยอมรับว่าในสินค้ากุ้งของไทย มีคุณภาพ และความปลอดภัยสูงทำให้ได้เปรียบทางการค้า สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ปัจจุบันตลาดหลักกุ้งของไทย ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน และอเมริกา
ลักษณะกุ้งขาว และการเลี้ยงกุ้ง กุ้งขาวแปซิฟิกหรือ ที่เรียกว่ากุ้งขาวแวนนาไม มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Litopenaeus vannamei โดยจัดอยู่ใน Phylum-Arthropoda, Class-Crustacia, Family-Penaeidae (Farfanate และ Kensley, 1997) เป็นกุ้งพื้นเมืองในทวีปอเมริกาใต้ พบได้ทั่วไปบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปชิฟิกตะวันออกจากตอนเหนือของประเทศเม็กซิโกจนถึงตอนเหนือของประเทศเปรู เป็นกุ้งที่เลี้ยงกันมากในประเทศเอกวาดอร์ เม็กชิโก เปรู ปานามา ฮอนดูรัส โคลัมเบีย และบราซิล (Rosenberry, 1999) "กุ้งขาวแวนาไม" มีลักษณะเฉพาะคือ บริเวณฟันกรี (หนาม) ด้านบนจะหยัก และถี่ ปลายกรีจะตรง โดยที่ฟันกรีด้านล่าง 2 อัน และด้านบน 8 อัน ความยาวของกรีจะยาวกว่าตาไม่มาก โดยกุ้งขาวแวนาไมที่โตเต็มวัยจะมีความยาวตลอดลำตัวประมาณ 9 นิ้ว กุ้งขาวแวนาไมเป็นกุ้งที่เลี้ยงง่าย มีการเจริญเติบโตเร็ว เนื่องจากพ่อแม่พันธุ์ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการนำเข้าไปเลี้ยงในหลายๆ ประเทศ กุ้งชนิดนี้ได้มีการนำเข้ามาเลี้ยงในทวีปเอเชียครั้งแรกในประเทศไต้หวันในปี 2539 และต่อมาได้นำเข้าไปในประเทศจีนในปี 2541
การเลี้ยงกุ้งของไทยเริ่มจากการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ เลี้ยงในนากุ้งธรรมชาติ โดยสูบน้ำทะเลเข้ามาเก็บไว้ระยะหนึ่ง แล้วนำมาใช้ โดยเลี้ยงในบ่อดินขนาดใหญ่ ใช้พื้นที่ค่อนข้างมากลงเลี้ยงกุ้งแบบหนาแน่น (super intensive) ใช้ลูกพันธุ์จากโรงเพาะฟักนำมาปล่อยลงสู่บ่อดิน เลี้ยงประมาณ 4 เดือนได้ขนาดตามที่ต้องการ แล้วเก็บเกี่ยวผลผลิต
ปี 2515 การเลี้ยงกุ้งได้เริ่มพัฒนาจากนากุ้งธรรมชาติ สู่การเลี้ยงแบบกึ่งพัฒนา การเลี้ยงกุ้งของไทยขยายตัวอย่างรวดเร็วในปี 2528-2531 กระจายไปยังจังหวัดต่างๆ เช่น ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ เกิดการเลี้ยงกุ้งเชิงพาณิชย์ของไทย 2 ชนิด คือ
1. กุ้งขาวแวนาไม
2. กุ้งกุลาดำ
ต่อมาในปี 2545 ประเทศไทยโดยกรมประมงเริ่มนำเข้าพ่อแม่พันธุ์กุ้งขาวปลอดเชื้อ (Specific Pathogen Free, SPF) จากต่างประเทศเข้ามาทดลองเลี้ยง ให้ผลผลิตกุ้งดี และประสบผลสำเร็จในปี 2546 โดยช่วงระยะเวลาดังกล่าว เป็นช่วงที่กุ้งกุลาดำในประเทศไทยกำลังประสบปัญหากุ้งโตช้า มีขนาดเล็ก และเกษตรกรขาดทุน ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่หันมาเลี้ยงกุ้งขาวแวนาไมแทนกุ้งกุลาดำมากขึ้น จึงเป็นจุดเปลี่ยนการเลี้ยงกุ้งกุลาดำมาเป็นกุ้งขาวแวนาไม และมีการพัฒนาสายพันธุ์กุ้งมาอย่างต่อเนื่อง และในปี 2550 การเลี้ยงกุ้งของไทยเข้าสู่การเลี้ยงแบบพัฒนาเต็มรูปแบบ โดยขนาดบ่อเลี้ยงประมาณ 4-5 ไร่ และใช้ลูกพันธุ์กุ้งที่มีการพัฒนาสายพันธุ์อย่างต่อเนื่องให้เหมาะสมกับการเลี้ยงในประเทศไทย
ปัจจุบันไทยมีผลผลิตกุ้ง ปริมาณ 300,000-330,000 ตัน/ปี โดยแบ่งสัดส่วนผลผลิตกุ้งตามภาคเลี้ยง ดังนี้ ภาคใต้ ร้อยละ 66, ภาคตะวันออก ร้อยละ 22 และภาคกลาง ร้อยละ 12 ผลผลิตส่วนใหญ่เป็นกุ้งขาว ร้อยละ 95 และกุ้งกุลาดำ ร้อยละ 5
กุ้งปรุงสุก
กุ้งแชบ๊วย
กุ้งขาวเด็ดหัวไว้หาง
กุ้งกุลาดํา
เราใช้คุกกี้ (cookie) และเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดและปรับปรุงการใช้งานเว็บไซต์ การเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้หรือการปิดกล่องข้อความนี้ถือว่าคุณได้ยอมรับนโยบายคุกกี้ของเรา
Public on 6th September 2022 Copyright of Thai Frozen Foods Association