การประชุมรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนในประเด็นการเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติม ภายใต้การเจรจายกระดับความตกลงการค้าสินค้า อาเซียน - อินเดีย (AITIGA)

หัวข้อ การประชุมรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนในประเด็นการเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติม ภายใต้การเจรจายกระดับความตกลงการค้าสินค้า อาเซียน - อินเดีย (AITIGA)


วันที่ 12 กันยายน 2567 คุณเสาวนีย์ คำแฝง ผู้อำนวยการสมาคมฯ และนายกรวิชญ์ ทุมมานนท์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการ เข้าร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนในประเด็นการเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติม ภายใต้การเจรจายกระดับความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน - อินเดีย (AITIGA) จัดโดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ผ่านระบบ Zoom Meeting สรุปดังนี้


การเจรจาปรับปรุงความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AITIGA) เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีความสำคัญต่อทั้งไทยและอินเดีย เป้าหมายหลักคือการขยายตลาดสินค้าและบริการระหว่างกัน ลดอุปสรรคทางการค้า และส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ


1. นอกจากความซับซ้อนของกฎถิ่นกำเนิดสินค้า (PSRs) แล้ว ยังควรพิจารณาถึงความแตกต่างของกระบวนการผลิตและมาตรฐานระหว่างไทยและอินเดีย ซึ่งอาจทำให้การตีความและปฏิบัติตามกฎเหล่านี้มีความยืดหยุ่นน้อยลง และส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการ

ควรมีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างไทยและอินเดีย เพื่อศึกษาและปรับปรุงกฎ PSR ให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกับสภาพจริงมากยิ่งขึ้น อาจพิจารณาใช้หลักการ Quantitative Method ในการพิจารณาถิ่นกำเนิดของสินค้า เพื่อลดความยุ่งยากในการพิสูจน์


2. นอกจากอุปสรรคทางภาษีแล้ว มาตรการกีดกันทางเทคนิค เช่น มาตรฐานผลิตภัณฑ์ ข้อกำหนดด้านบรรจุภัณฑ์ และขั้นตอนการขออนุญาตต่าง ๆ ก็เป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการค้าระหว่างกัน ไทยและอินเดียควรให้ความสำคัญกับการรับรองผลการทดสอบและมาตรฐานของกันและกัน เพื่อลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการขออนุญาตนำเข้าสินค้า นอกจากนี้ อาจพิจารณาใช้กลไกความร่วมมือด้านมาตรฐานเพื่ออำนวยความสะดวกในการค้า


3. แม้ว่าไทยจะมีดุลการค้าเกินกับอินเดีย แต่ก็มีสินค้าหลายประเภทที่อินเดียมีข้อได้เปรียบในการผลิต เช่น ยารักษาโรค เครื่องจักร และผลิตภัณฑ์จากเหล็กกล้า การเปิดตลาดให้กว้างขึ้นอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมบางประเภทในไทย ทั้งนี้ รัฐบาลไทยควรให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ เช่น การให้เงินอุดหนุน การฝึกอบรม และการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน


4. การระบาดใหญ่ของ COVID-19 และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ได้ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลกอย่างมาก ไทยและอินเดียควรใช้โอกาสนี้ในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสร้างความร่วมมือในการผลิตและการค้า เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความเสี่ยง ควรมีการศึกษาและวิเคราะห์โอกาสและความท้าทายในการปรับตัวเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานใหม่ และกำหนดนโยบายที่เอื้อต่อการลงทุนและการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย


สำหรับภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการเจรจาและการดำเนินงานภายใต้ AITIGA ภาคเอกชนควรมีส่วนร่วมในการระบุอุปสรรคทางการค้าที่สำคัญ และเสนอแนะมาตรการแก้ไขปัญหา รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาคเอกชนของอินเดีย เพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ


การเจรจาปรับปรุง AITIGA เป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและอินเดีย แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อให้การเจรจาบรรลุผลสำเร็จและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติในระยะยาว



Public on 6th September 2022
Copyright of Thai Frozen Foods Association