06/12/65 แถลงข่าวสถานการณ์การส่งออกเดือนตุลาคม ประจำเดือนพฤศจิกายน 2565

วันที 6 ธันวาคม 2565 นายกรวิชญ์ ทุมมานนท์ เจ้าหน้าที่สมาคมฯ เข้าร่วมงานแถลงข่าวสถานการณ์การส่งออกเดือนตุลาคม ประจำเดือนพฤศจิกายน 2565 และแถลงข่าวเปิดตัวศูนย์ระงับข้อพิพาทด้าน โลจิสติกส์ สถาบันอนุญาโตตุลาการ จัดโดยสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ผ่านระบบ Facebook Live

คาดการณ์การส่งออกรวมปี 2565 ขยายตัวที่ 7-8% หรือมีมูลค่า 290,000-293,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ การส่งออกปี 2566 ขยายตัวที่ 2-3% หรือมีมูลค่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปีหน้ามีปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตา คือ ประเทศจีนจะผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ได้มากน้อยเพียงใด เพราะจะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนเรื่องการเดินทาง และการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังต้องจับตาดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของหลายประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ขณะนี้มีการปรับตัวลดลง

ตัวเลขการส่งออกเดือนตุลาคม 2565 มีมูลค่า 2.17 หมื่นล้านดอลลาร์ หดตัว 4.4% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 2.23 หมื่นล้านดอลลาร์ หดตัว 2.1% ภาพรวมการค้าในเดือนมกราคม – ตุลาคมของปี 2565 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนรวมมูลค่า 2.43 แสนล้านดอลลาร์ ขยายตัว 9.1% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 2.58 แสนล้านดอลลาร์ ขยายตัว 18.3% ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนมกราคม – ตุลาคม 2565 ขาดดุลเท่ากับ 1.55 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 6.56 แสนล้านบาท

ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา สถานการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกทรงตัวอยู่ในระดับสูง แม้ว่าธนาคารกลางได้ออกมาตรการทางการเงินที่เข้มงวดเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้เศรษฐกิจของตลาดหลักเริ่มมีการชะลอตัวลง ปัญหาวัตถุดิบขาดแคลน อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ และวัตถุดิบที่มีราคายังคงมีผันผวน ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ข้าวโพด เมล็ดทานตะวัน ปุ๋ย เป็นต้น โดยจะส่งผลต่อเนื่องไปยังปีหน้า

ข้อเสนอแนะ
1. ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้มีความผันผวนเร็วเกินไปซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 34-35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
2. ขอให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
3. ขอให้ภาครัฐช่วยพิจารณาควบคุมหรือปรับขึ้นค่าไฟฟ้า (FT) ทั้งในภาคการผลิตและภาคครัวเรือน แบบค่อยเป็นค่อยไป
4. ขอให้ภาครัฐที่เกี่ยวข้องพิจารณาสนับสนุนงบประมาณในการยกระดับการผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม สอคคล้องกับนโยบาย BCG ของรัฐบาล
5. เร่งดำเนินการความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ที่สำคัญ อาทิ Thai-EU, Thai–UK, Thai-Turkey, RCEP (อินเดีย) และ FTAAP

ปี 2566 ผู้ส่งออกจะเน้นมองหาตลาดใหม่ๆ เพื่อทดแทนตลาดที่ชะลอตัว เช่น ตลาดตะวันออกกลาง CLMV หรืออินเดีย ที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เช่น ตลาดซาอุดีอาระเบียที่คาดว่าทั้งปีจะมีมูลค่าส่งออก 2,000ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือโต20% ส่วนส่งออกเดือน พ.ย. น่าจะหดตัวเฉลี่ยมูลค่า 23,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เดือน ธ.ค. มูลค่าน่าจะเฉลี่ย 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไตรมาส 4 น่าจะติดลบ 1-3% ส่วนปี 66 ถ้าจะให้การส่งออกไทยขยายตัว 2-3% ต้องมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนที่ 25,000 ล้านดอลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ สรท. ได้จัดทำ White Paper 2022: CLMVT Connectivity Multimodal Transportation in the Next Normal หรือ “รุกรวดเร็ว รถ-เรือ-ราง-ลิ้งค์” เพื่อนำเสนอข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและแนวทางการเตรียมความพร้อมโอกาสของโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างเพื่อใช้ประโยชน์ในการขนส่งสินค้ากระจายสินค้าไปยังเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจของไทยและเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMVT โดยใช้การเชื่อมโยงเครือข่ายสำคัญภายในประเทศในลักษณะการขนส่งแบบ Multimodal Transport อีกทั้งเพื่อส่งเสริมการสร้างความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจในอนาคต

White Paper ฉบับนี้ได้รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์รายละเอียด เพื่อพิจารณาเปรียบเทียบต้นทุนในการขนส่งไว้เป็นทางเลือกในการกำหนดรูปแบบการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ทั้งระบบทางราง ทางถนน และทางน้ำ วิเคราะห์ความท้าทาย โอกาส อุปสรรค ในแต่ละรูปแบบของการขนส่งทางเลือก เพื่อใช้ประโยชน์ในอนาคต
แถลงข่าวเปิดตัวศูนย์ระงับข้อพิพาทด้านโลจิสติกส์

สรท. ร่วมมือกับ สถาบันอนุญาโตตุลาการ และกรรมการศูนย์ฯ สมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย สมาคมตัวแทนออกของรับอนุญาตไทย และกรรมการศูนย์ฯ เปิดตัว “ศูนย์ระงับข้อพิพาทด้านโลจิสติกส์ (Thailand Logistics ADR Center: TLAC)” ภายใต้สถาบันอนุญาโตตุลาการ เพื่อให้บริการระงับข้อพิพาทในกิจกรรมโลจิสติกส์การค้าทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ทั้งในรูปแบบการประนอมข้อพิพาทและการอนุญาโตตุลาการ

โดยคาดว่าในปี 2566 จะสามารถแก้ไขข้อพิพาทระหว่างภาคเอกชนโดยการประนอมและการอนุญาโตตุลาการมูลค่าไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท และช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจแก่ผู้ส่งออกนำเข้าและผู้ให้บริการโลจิสติกส์ให้มีความต่อเนื่อง ลดต้นทุนและระยะเวลาในการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างกันให้น้อยลง เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น

TLAC มีวิสัยทัศน์ คือ “ก้าวไปสู่การเป็นศูนย์ระงับข้อพิพาททางเลือกชั้นนำด้านโลจิสติกส์ทั้งในและระหว่างประเทศ” ภายใต้พันธกิจสำคัญ ได้แก่
1. ผลักดันและส่งเสริมให้ธุรกิจโลจสติกส์ของประเทศไทยมีมาตรการที่เป็นมิตรต่อการระงับข้อพิพาททางเลือก
2. สร้างความรับรู้เกี่ยวกับการระงับข้อพิพาททางเลือกและการให้บริการของ TLAC
3. ให้บริการด้านการระงับข้อพิพาททางเลือก ที่มีความเป็นอิสระและมีมาตรฐานสากล ตามระเบียบของการระงับข้อพิพาททางเลือกของ THAC

มีบริการ 2 ส่วน ได้แก่

1. การให้บริการด้านคดี
1.1) การระงับข้อพิพาทด้วยการประนอม
1.2) การระงับข้อพิพาทด้วยการอนุญาโตตุลาการ
1.3) การระงับข้อพิพาทด้วยช่องทาง Online หรือที่เรียกว่า Talk DD
2. การให้บริการทางด้านจัดฝึกอบรมและจัดการประชุมสัมมนา อาทิ หลักสูตรอบรมอนุญาโตตุลาการ หลักสูตรอบรมผู้ประนอม หลักสูตรบริหารจัดการความขัดแย้ง เป็นต้น

ทั้งนี้ กระบวนการอนุญาโตตุลาการ ของ THAC และ TLAC คือ “กระบวนการระงับข้อพิพาทที่คู่กรณีตกลงกันเลือกบุคคลหนึ่งหรือหลายคนเพื่อวินิจฉัยชี้ขาด ข้อพิพาท โดยคู่พิพาทตกลงที่จะปฏิบัติตามคำชี้ขาดดังกล่าวนั้น” โดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการศาล ซึ่งมีข้อดีที่สำคัญประกอบด้วย

1. คู่สัญญาเป็นคนเลือกอนุญาโตตุลาการ
2. อนุญาโตตุลาการจะมีความเชี่ยวชาญที่ตรงกับประเด็นข้อพิพาทที่เกิดขึ้น
3. ระยะเวลาในการพิจารณาคดีน้อยกว่า
4. คู่สัญญามีอำนาจในการกำหนดกระบวนพิจารณาคดีอนุญาโตตุลาการ
5. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินกระบวนการต่ำกว่า

กล่าวได้ว่า การใช้บริการระงับข้อพิพาทด้านโลจิสติกส์ภายใต้ TLAC จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาคธุรกิจ เนื่องจาก

1. สะดวก รวดเร็ว คุ้มค่า
2. ให้บริการครบวงจรโดยมืออาชีพ
3. อิสระและมีมาตรฐานสากล

TLAC ถือเป็นก้าวสำคัญของ THAC ในการให้บริการสำหรับข้อพิพาทด้านโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์การประกาศใช้พระราชบัญญัติสถาบันอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2550 ประกอบด้วย

1. ส่งเสริมและพัฒนากระบวนการประนอมข้อพิพาทและอนุญาโตตุลาการ
2. ดําเนินกิจการเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทโดยวิธีประนอมข้อพิพาทและอนุญาโตตุลาการ
3. ส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการประนอมข้อพิพาทและอนุญาโตตุลาการรวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

Public on 6th September 2022
Copyright of Thai Frozen Foods Association