วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 คุณอนุชา นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย และคุณนารีรัตน์ รอง ผอ. สมาคมฯ เข้าร่วม ระดมความคิดเห็น (Brainstorrming) ข้อมูลห่วงโซ่อุปทานสินค้าประมง และข้อเสนอในเชิงนโยบายเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ผ่านระบบ Video Conference Zoom

สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

(1) แผนภาพ supply chain มีการนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายฯ ทราบแล้วและที่ประชุมให้นำมาหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

- จากตัวเลขมีผลผลิตใน ปท 2,067,214 ตัน (49%)

- ตัวเลขนำเข้า 2,079,216 ตัน (51%) 

- บริโภคใน ปท 2,248,131 ตัน (54%) 

- ส่งออก 1,898,209 ตัน (46%) 

(2)การส่งออกโต 19% โดยเป็นการนำเข้าเกือบ 10% ดังนั้น หากเราสามารถเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้น โรงงานยังสามารถรองรับได้ 

(3)ภาคประมง เรามีแต่การควบคุมประมงพาณิชย์ ควรเข้มงวดในการบังคับใช้กม กับประมงพื้นบ้านด้วย โดยเฉพาะเรื่อง การกำหนดขนาดการจับ การใช้เครื่องมือ ฤดูปิดอ่าว 

(4)ภาคเพาะเลี้ยง มีมาตรการควบคุมโรค งานวิจัย/ระบบป้องกันไม่ให้โรคขยาย

(5)ภาครัฐในการควบคุม ตรวจสอบ ปัจจุบัน กม ที่กรมประมงดูแล 

✅สินค้านำเข้าปฏิบัติตาม IUU ตาม พรก ประมง 

✅โรคระบาดสัตว์ ตาม พรบ โรคระบาดสัตว์ เช่น กุ้ง ปลาคราฟ

✅สุ่มตรวจสินค้านำเข้า ตาม พรบ อาหาร อย. ในพิกัดสินค้าสัตว์น้ำ 0302, 0303 และ 0306 โดยสุ่ม 1,300 ตย/ปี ตามงบประมาณ (มีตย 80,000 ตย/ปี) 

ซึ่งที่ประชุมเสนอ ควรขอความช่วยเหลือกับภาคเอกชนได้

(6)ภาคเอกชน (คุณอนุชาเสนอ) เพิ่มผลผลิตกุ้งเป็น 450,000 ตัน , ส่งเสริมการนำเข้าปลามาเป็นวัตถุดิบผลิตเป็นซูริมิ แปรรูปเป็น ลูกชิ้น ,แก้ไขเรื่องแรงงานบังคับ ที่ไทยอยู่ใน TVPRA list ของ US， ภาครัฐสนับสนุนงบประมาณ FIP ,เร่งรัดการดำเนินการเจรจา FTA TH-EU 

(7)ภาคอาหารสัตว์ ต้นทุนค่าอาหารในการเพาะเลี้ยงคิดเป็น 60-70% ขอให้มีการลดภาษีการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น ข้าวสาลี กากถั่ว