โดยการหารือมีประเด็นหลักจากมาตรา 10(1) เกี่ยวเนื่องกับมาตรา 11 ในข้อความ.. “เงินอุดหนุนที่ได้รับจากรัฐบาลหรือเเงินที่ได้รับในการในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี” เป็น “เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้จำนวน 200 ล้านบาท” และขอให้สำนักงานสภาการประมงแห่งประเทศไทยเสนอของบประมาณจากรัฐบาลเพื่อจัดสรรเป็นเงินอุดหนุน แต่เนื่องจากสำนักงานดังกล่าวไม่ใช่หน่วยงานของรัฐที่มีสถานะเป็นหน่วยรับงบประมาณ จึงไม่สามารถขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลได้ อีกทั้งความเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติสภาการประมงแห่งประเทศไทย พ.ศ.... ยังมีความซ้ำซ้อนกับพระราชบัญญัติสภาการเกษตรแห่งชาติ พ.ศ. 2553 อีกด้วย

ขณะที่สภาเกษตรกรแห่งชาติไม่ขัดข้องในหลักการจัดตั้งสภาการประมงแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ การมีพระราชบัญญัติการประมง จะเป็นการเสริมสร้างให้ผู้ประกอบอาชีพการประมงมีความเข้มแข็งและมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรประมง อีกทั้ง เป็นการเชื่อมโยงระหว่างสภาการประมงแห่งประเทศไทยกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ เกิดความเป็นเอกภาพของภาคเกษตร ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบเพื่อจะให้เกิดการจัดตั้งพระราชบัญญัติสภาการประมงแห่งประเทศไทย พ.ศ..... โดยการแก้ไขข้อความมาตรา 10 (1) จาก “เงินอุดหนุนที่ได้รับจากรัฐบาล หรือเงินที่ได้รับในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี” เป็น “เงินสมทบจากรัฐบาล” (ตามพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2537 มาตรา 9(3)

ทั้งนี้ ดร.ผณิศวร ได้ยกกรณีของสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย ถึงวิธีการและที่มาของการจัดหารายได้เพื่อเป็นทุนในการดำเนินงานของสมาคมฯ ซึ่งแต่ละกลุ่มสมาชิกผู้ส่งออกสินค้าจะมีเงินกองทุนเพื่อดำเนินกิจกรรมของแต่ละสินค้า รวมทั้งให้ข้อสังเกตถึงบทบาทอำนาจของสภาการประมงแห่งประเทศไทยที่จะเกิดคุณและโทษต่อสมาชิกได้อย่างไรอีกด้วย

ประธานที่ประชุมได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขาฯ ได้ปรับปรุงหลักการและเหตุผล เสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อเสนอไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาในลำดับต่อไป