ประชุมคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน และคณะกรรมการธุรกิจประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ครั้งที่ 4/2567

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 คุณอนุชา เตชะนิธิสวัสดิ์ นายกสมาคมฯ คุณวิบูลย์ สุภัครพงษ์กุล อุปนายกสมาคมฯ และคุณเสาวนีย์ คำแฝง ผอ.สมาคมฯ เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน และคณะกรรมการธุรกิจประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ครั้งที่ 4/2567 ณ ห้องประชุม 3201 ชั้น 2 อาคารบรรเจิด ชลวิจารณ์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยมี ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานที่ประชุม
ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา หอการค้าไทย แสดงจุดยืนต่อนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศไทย
1. หอการค้าฯ ไม่เห็นด้วยกับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ เพราะการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ต้องคำ นึงถึงมติของคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ จังหวัด ซึ่งเป็นการปรับตามตัวเลขที่เป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจตามที่กฎหมายกำ หนดไว้อันเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายตาม หลักนิติรัฐ นิติธรรม (THE RULE OF LAW)
2. หอการค้าฯ มีความคิดเห็นว่า การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ นั้น ต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายซึ่งบัญญัติไว้ในมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัตคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 อย่างเคร่งครัดสอดคล้องกับแนวทางที่ได้รับการยอมรับมาโดยตลอดจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) โดยใช้กลไกคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับข้อเสนอของคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด
3. หอการค้าฯ มีความคิดเห็นว่าการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ควรจะปรับเมื่อมีเหตุจำ เป็น และปัจจัยทางเศรษฐกิจบ่งชี้แต่ไม่ควรเกินปีละ 1 ครั้งเท่านั้น และจะต้องดำ เนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
4. หอการค้าฯ สนับสนุนการจ่ายอัตราค่าจ้างตามทักษะฝีมือแรงงาน (PAY BY SKILLS) ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน และให้ความสำ คัญกับการ UP-SKILL & RE-SKILL , MULTI-SKILL และ NEW SKILL เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะฝีมือให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และเพิ่มผลิตภาพแรงงาน (LABOR PRODUCTIVITY) สามารถลดต้นทุนและสร้างความสามารถในการแข่งขัน
5. หอการค้าฯ สนับสนุนให้เร่งรัดการประกาศอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือให้ครบตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติซึ่ง 280 สาขาจากปัจจุบันที่มีการประกาศไว้เพียง 129 สาขา พร้อมทั้งให้มีการขยายสาขาอาชีพ
มาตรฐานฝีมือรวมทั้งอัตราค่าจ้างตามารฐานฝีมือให้ครอบคลุมมากขึ้นสำหรับแรงงานไทย
6. หอการค้าฯ ขอให้รัฐบาลมีมาตรการดูแลค่าครองชีพเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ตลอดจนเร่งรัดมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ โดยการส่งเสริมมาตรการทางภาษี มาตรการลดเงินสมทบประกันสังคม มาตรการส่งเสริมการปรับปรุงเครื่องมือและเครื่องจักรมาตรการส่งเสริม และพัฒนาฝีมือแรงงาน ฯลฯ เพื่อลดผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย เป็นต้น
สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
1. การหารือร่วมกับปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ คนที่ 1 หอการค้าไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมกับ 8 สมาคมการค้าที่เกี่ยวข้อง อาทิ สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย สมาคมอาหารแช่เยือกแข็ งไทย สมาคมผู้ผลิตอาหารสำ เร็จรูป สมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย สมาคมการค้าอาหารแห่งอนาคต สมาคมกุ้งไทย สมาคมปลาป่นไทย และ สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย หารือร่วมกับ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เพื่อนำ เสนอข้อคิดเห็นต่อการแก้ไขปัญหาแรงงานของประเทศไทย อาทิ นโยบายค่าจ้างขั้นต่ำ นโยบายการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว และนโยบายการถอดถอนสินค้ากลุ่มประมงและอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ ที่ถูกกล่าวหาจากรายงานสหรัฐฯ ว่ามีการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ (TVPRA LIST)
โดยกระทรวงแรงงานและหอการค้าไทยจะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อประสานงานในการถอดถอนและแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กแรงงานบังคับ ในการผลิตสินค้าทุกรูปแบบ พร้อมทั้งยกระดับความร่วมมือระหว่างหอการค้าไทย และกระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้มีคณะทำงานเพื่อส่งเสริมแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี หรือ GOOD LABOUR PRACTICES:GLP ไปใช้ในการบริหารจัดการด้านแรงงานในสถานการประกอบการและสมาชิกหอการค้าไทยทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบัน ได้มีการนำ GLP ไปใช้ในสถานประกอบการ 29,688 แห่ง ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตลูกจ้าง 2,241,582 คน
2. ผลการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 จังหวัดชลบุรี สร้างไทยให้เติบโต สู่อนาคตที่ยั่งยืน โดยมี 3 ข้อเสนอหลักเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน
1)การสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ
2)การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน SMEs
3)การวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืนและ 6 ประเด็น ปลุกไทยเติบโตอย่างยั่งยืน
1)การค้าและการลงทุนโอกาสและความท้าทาย
2)เกษตรและอาหารคลังอาหารของไทยและของโลก
3)ท่องเที่ยวและบริการ : แหล่งรายได้สำคัญของประเทศ
4)การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน
5)ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน ยกระดับการแข่งขันของประเทศ
6)ขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค : สร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน
3. สรุปผลการหารือประเด็น TVPRA List ปี 2567 ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ผลกระทบจากรายงาน TVPRA ปี 2567 ไทยถูกปลด สินค้ากุ้ง ออกจากบัญชีสินค้าที่ใช้แรงงานเด็ก (แต่ยังติดในส่วนแรงงานบังคับ) มีเพิ่มสินค้าใหม่ 3 รายการในหมวดสินค้าปลายน้ำ ได้แก่ ปลาป่น,น้ำมันปลา, อาหารสัตว์ในส่วนแรงงานบังคับ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ ปลัดกระทรวงแรงงานจัดตั้งคณะทำงานร่วมฯ (กรมประมง, กระทรวงแรงงาน, เอกชน, NGOs) เพื่อหารือกับสมาคมที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาภาพลักษณ์แรงงานในอุตสาหกรรมประมงไทย และส่งเสริมความยั่งยืนในระดับสากล
4. ผลการจัดสัมมนา เรื่อง ไขปัญหากฎหมายแรงงานสำหรับผู้ประกอบการและผู้บริหาร
1)สรุปภาพรวมกฎหมายการจ้างงานและคุ้มครองแรงงานสำหรับผู้ประกอบการและผู้บริหาร
2)ไขปัญหาเกี่ยวกับลักษณะของกฎหมายแรงงาน (ในส่วนที่เป็นกฎหมายเอกชน กฎหมายมหาชน กฎหมายสังคม และ กฎหมายอาญา)
3)ไขปัญหาเกี่ยวกับการใช้การตีความกฎหมายแรงงาน
4)ร่วมปรึกษาปัญหากฎหมายการจ้างงานและการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ในองค์กร และการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร
(five)โครงการส่งเสริมการมีงานทำให้แก่ทหารกองประจำการ
มีการทำบันทึกความเข้าใจ “ว่าด้วยการส่งเสริมการมีงานทำให้แก่ทหารกองประจำการ” ระหว่าง 3 หน่วยงาน คือกระทรวงแรงงานแรงงาน กระทรวงกลาโหม และหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยการประชาสัมพันธ์ไปยังสมาชิกผู้ประกอบการในการรับทหารกองประจำ การหลังปลดประจำการเข้าทำงาน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2567 ณ ปัจจุบัน มียอดความต้องการจ้างงาน จำนวน 25,778 อัตรา (38 บริษัท)
6. Position Paper ข้อเสนอการส่งเสริมและสนับสนุนการประมงทั้งระบบอย่างยั่งยืน โดยคณะกรรมการธุรกิจประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ร่วมกับ 12 สมาคม จัดทำข้อเสนอการส่งเสริม และสนับสนุนการประมงทั้งระบบอย่างยั่งยืน 4 ประเด็น ดังนี้
1)ข้อเสนอเร่งด่วนเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการประมงทั้งระบบอย่างยั่งยืน
2)ข้อเสนอเพื่อพัฒนาการทำ การประมงอย่างยั่งยืน
3)ข้อเสนอเพื่อการพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ อย่างยั่งยืน
4)ข้อเสนอเพื่อการพัฒนาการแปรรูปสัตว์น้ำ อย่างยั่งยืนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์) และอธิบดีกรมประมง (นายบัญชา สุขแก้ว)
7. การแก้ไขปัญหาราคาสัตว์น้ำตกต่ำ ด้วยการรับซื้อกลุ่มปลาโอของไทย ปี 2568 สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย ได้ขับเคลื่อนนโยบายศูนย์ AFC โดยความร่วมมือจัดทำ MOU ความร่วมมือ สมาคมประมงอวนล้อมจับ (ประเทศไทย) ฉบับที่ 2 รับซื้อสินค้าปลาโอจากเรือประมงไทย ปริมาณ 50,000 ตัน มูลค่า 2,000 ล้านบาท มุ่งแก้ปัญหาราคาสินค้าสัตว์น้ำ ตกต่ำ -ล้นตลาด เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้องประชุมโรงแรม Sunnyvale Ranong จังหวัดระนอง
ทั้งนี้ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ อยู่ระหว่างรอเข้าครม.

Public on 6th September 2022
Copyright of Thai Frozen Foods Association